วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ใบงานที่ 4 ความรู้เรื่อง Blog


ความรู้เรื่อง Blog


- บล็อก (Blog) คือเว็บไซด์รูปแบบหนึ่ง ที่มีลักษณะรูปร่างหน้าตาคล้ายๆกับการเขียนไดอารี่ หรือ บันทึกส่วนตัว ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน เนื่องจากเราใช้ฟรี ไม่ต้องเสียเงิน
- คำว่า "Blog" มาจากคำเต็มว่า "Weblog" (ตัด We ทิ้ง คงเหลือแต่ blog) ซึ่งโดยนัยแล้วหมายถึง การบันทึกข้อมูล(Log) บน เว็บ(Web) นั่นเอง 
- โดยผู้ที่เขียนบล๊อกเป็นอาชีพ จะถูกเรียกกันว่า "บล็อกเกอร์" (Blogger) 
- จุดเด่นที่สำคัญของ Blog คือ จะมีระบบที่ผู้อ่านและผู้เขียนสามารถแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันได้ โดยผ่านทางระบบ Comment ของบล๊อก

Blog ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
- ทำBlog เป็นเว็บไซด์ส่วนตัว เพื่อแชร์ข้อมูลส่วนตัวให้กับผู้อื่นๆ เช่น บันทึกไดอารี่ 
- เขียนBlog เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ นำเสนอสิ่งที่ตนเองรู้ หรือสิ่งที่ตนเองสนใจ เพื่อแบ่งปันให้กับผู้อื่น
- สร้างBlog ทำเป็นเว็บไซด์เพื่อใช้ในการโปรโมทธุรกิจ ร้านค้า บริการต่างๆ
- ใช้Blog ในการทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ (E-Commerce)
- นอกจากนี้ Blog ยังเป็นช่องทางหนึ่งที่นิยมใช้กับเพื่อหารายได้จาก Internet Marketing

Blog กับ Website ต่างกันอย่างไร?
- เว็บไซด์ทั่วๆไปนั้น จำเป็นต้องมี Server, มี Host มี Domain Name เป็นของตนเอง ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ในส่วนของ Blog นั้นเราสามารถสมัครใช้บริการได้แบบฟรี เพียงแต่เราต้องใช้ชื่อ Domain ของผู้ให้บริการนั้นๆ เช่นของ Google คือ Blogger.com - โดเมนเนม ก็จะเป็น "ชื่อBlogของคุณ" ต่อท้ายด้วย "blogspot.com" เช่น JoJho-Problog.blogspot.com
- เว็บไซด์ทั่วไปจะมีความยืดหยุ่นสูงในการออกแบบ ดีไซน์ เพราะเราต้องสร้างเองทั้งหมด (ดังนั้นจะเลือกดีไซน์ยังไงก็ได้)
- แต่ Blog จะมีการดีไซน์ในรูปแบบเฉพาะเรียกว่า Blog Template ซึ่งมีให้เลือกมากมาย แต่ยังคงมีลักษณะโครงสร้างที่ค่อนข้างตายตัว ไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้มากตามใจชอบอย่างเว็บไซด์
- การสร้างเว็บไซด์ จำเป็นต้องมีทักษะความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากพอสมควร ทั้งในส่วนของภาษาคอมพิวเตอร์, โปรแกรมคอมติวเตอร์ต่างๆ ความรู้เบื้องต้นในเรื่องของ Network เป็นต้น แต่ Blog เพียงรู้หลักในการใช้เล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถสร้างเว็บไซด์ได้อย่างง่ายดาย

Blog กับ เว็บไซด์สำเร็จรูป ต่างกันอย่างไร?
- Blog และ เว็บไซด์สำเร็จรูป (Instant Website) เป็นเว็บไซด์ที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน ที่เรียกว่า เว็บไซด์ในรูปแบบ CMS  (Content Management System) คือจะเน้นในการจัดการเนื้อหาและบทความ เป็นหลัก ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในการเขียนโปรแกรมเลย ก็สามารถ สร้างBlog ขึ้นได้โดยวิธีการเข้าใจได้ไม่ยาก
- เว็บไซด์สำเร็จรูป มีทั้งแบบ เราสร้างเว็บเอง หรือ ไปขอใช้บริการแบบที่เค้าสร้างให้เสร็จแล้ว ซึ่งในที่นี้ผมจะขอกล่าวถึงแต่ เว็บไซด์สำเร็จที่เค้าสร้างให้เสร็จแล้ว เพราะจะใกล้เคียงกับบริการของ Blog
- เว็บไซด์สำเร็จรูป ที่นิยม จะเป็นในรูปแบบเปิดร้านค้าออนไลน์ (Online Shopping, Instant Online Store) ซึ่งจะมีระบบที่สนับสนุนกับการทำ E-Commerce รองรับในตัว เช่น ตะกร้าสินค้า, เว็บบอร์ด ในขณะที่ Blog จะไม่มี
- ดังนั้นในการเปิดร้านค้าออนไลน์นั้น เว็บไซด์สำเร็จรูปจะเหมาะสำหรับ ร้านที่มีสินค้าขายเป็น ชิ้นๆ ซึ่งมีจำนวนมากพอสมควรในระดับหนึ่ง ... ในขณะที่ Blog จะเหมาะสำหรับร้านที่มีสินค้าตั้งขายจำนวนน้อย 
- Blog จะเหมาะสำหรับธุรกิจที่เน้นให้บริการเป็นหลัก หรือธุรกิจแบบมีร้านค้าจริงๆ เพื่อแนะนำร้านสถานที่ตั้งร้าน นำเสนอและโปรโมทสินค้าบริการต่างๆ เป็นต้น ในขณะที่เว็บไซด์สำเร็จรูปแบบร้านค้าออนไลน์นั้นจะเหมาะสำหรับธุรกิจที่ขายสินค้าเป็นผลิตภัณฑ์ (Products) ต่างๆมากกว่า Blog

ข้อดีและข้อเสียของ Blog : 

ข้อดี
- มีอิสระที่จะนำเสนอสิ่งต่างๆ (ที่ไม่ไปก้าวล่วงบุคคลอื่น และไม่ผิดกฎกติกาของผู้ให้บริการ Blog)
- เปิดโอกาสให้เจ้าของ Blog ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้เข้าชมและโต้ตอบกลับได้อย่างอิสระ
- ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในด้านภาษาโปรแกรมต่างๆ 
- หากพอมีความรู้ด้านภาษาเว็บพื้นฐาน (HTML) จะสามารถช่วยทำให้เข้าไปแก้ไข Source Code ได้
เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบ Template ของ Blog ตามต้องการ
- สามารถใช้ Blog ในการทำธุรกิจหารายได้ จากการโปรโมทสินค้าหรือบริการ
- สามารถใช้สร้างเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ 
- ใช้งานได้ฟรี!! ไม่เสียค่าใช้จ่าย (ยกเว้นต้องการจด Domain Name เป็น .com .net .org .info)
- มี Template ให้เลือกใช้มากมาย (ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน)
- Server มีความเสถียรสูง ปัญหาในด้านความช้า หรือ Server ล่ม พบน้อยมาก

ข้อเสีย
- ฟังก์ชั่นและลูกเล่นต่างๆ ยังมีน้อยหากเทียบกับเว็บไซด์ที่สร้างเองหรือเว็บไซด์สำเร็จรูป
- แม้มีรูปแบบ Template ให้เลือกใช้มากมายแต่โครงสร้างเว็บก็ยังคงค่อนข้างตายตัว
- เนื่องจากเป็นบริการให้ใช้ฟรี หากเราทำผิดกฎของผู้ให้บริการ Blog เราจะถูกแบน และมีโอกาส
ถูกลบ Blog ได้ (แต่ถ้าไม่ได้ทำผิดกฎอะไร ก็อยู่ได้อย่างยาวนานจนกว่าผู้บริการจะเลิกให้บริการ)








ใบงานที่ 3 ตัวอย่างข้อสอบ

O-NET ปี 2552 - วิชา คณิตศาสตร์


 คลิปเฉลย : O-NET ปี 2552 - วิชา คณิตศาสตร์




O-NET ปี 2552 - วิชา ภาษาไทย

 คลิปเฉลย : O-NET ปี 2552 - วิชา ภาษาไทย



O-NET ปี 2553 - วิชา ภาษาอังกฤษ

 คลิปเฉลย : O-NET ปี 2553 - วิชา ภาษาอังกฤษ




O-NET ปี 2550 - วิชา สังคมศึกษา

 คลิป : O-NET ปี 2550 - วิชา สังคมศึกษา



O-NET ปี 2550 - วิชา วิทยาศาสตร์ 



 คลิป : O-NET ปี 2550 - วิชา วิทยาศาสตร์




O-NET ปี 2550 - วิชา สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี

 เฉลย : O-NET ปี 2550 - วิชา สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี




GATภาษาอังกฤษ ปี 2552


 คลิปเฉลย : GATภาษาอังกฤษ ปี 2552




credit : 



ใบงานที่ 2 บทความสารคดี



Beluga Whale

        ชื่อสามัญ :  Beluga Whale , White Whale
        ชื่อวิทยาศาสตร์ : Delphinapterus leucas
        ลักษณะทั่วไป : 
                เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเล จัดอยู่ในประเภทวาฬมีฟัน (Toothed whale)จะกินพวกสัตว์น้ำเป็นอาหาร ตัวผู้จะมีความยาวลำตัวมากกว่าเมื่อเทียบกับตัวเมีย โดยตัวผู้ตัวเต็มวัยจะมีความยาวลำตัวเฉลี่ย 3.5-5.5 เมตร ส่วนตัวเมียมีความยาวลำตัวเฉลี่ย 3-4.1 เมตร สำหรับลูกวาฬแรกเกิดจะมีสีเทาและสีเทาจะค่อยๆจางลงจนกลายเป็นสีขาวในตัวเต็มวัยและมีอายุเฉลี่ยประมาณ 10 ปี

               การที่วาฬเบลูกาไม่มีครีบหลัง เพื่อลดการสูญเสียความร้อนและปรับตัวให้สามารถว่ายน้ำภายใต้แผ่นน้ำแข็งวาฬเบลูกามีสีขาวเพื่อพรางตัวจากผู้ล่า นั้นคือ หมีขั้วโลก (Polar bear) และวาฬเพชฌฆาต (Killer whale)

                วาฬจะมีชั้นไขมันที่หนาประมาณ 15 เซนติเมตร ซึ่งคิดเป็น 40% ของน้ำหนักตัวทั้งหมด ซึ่งชั้นไขมันจะทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความเย็นของน้ำ ในช่วง 0-18 องศาเซลเซียส เพื่อลดการสูญเสียความร้อนจากอุณหภูมิที่เย็น และเป็นแหล่งสะสมพลังงานสำรอง

                 
               







         บทความที่เกี่ยวข้องกับ Beluga Whale

             5 เหตุผลที่ ไม่ควรนำวาฬขาวเข้ามาในประเทศไทย   โดย Love Wildlife Foundation

                 1.วาฬขาวหรือวาฬเบลูก้าใช้ชีวิตอยู่ในสภาพอุณหภูมิน้ำที่เย็นจัด ไม่เหมาะกับการมาอยู่ในที่เมืองไทยใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากบ่อน้ำนี่ที่เป็นบ่อเปิดแบบ Open Air

                 2.วาฬเหล่านี้ว่ายอยู่ในทะเลเป็นระยะทางกว่า 60-80 ไมล์ต่อวันแต่ต้องกลับมาอยู่ในแท๊งค์เล็กๆถือว่าเป็นการทรมานสัตว์โดยตรง

                  3.วาฬเหล่านี้มี อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30-40 ปีหรืออาจจะมากกว่านั้น แต่ว่าวาฬขาวในที่กักขังส่วนใหญ่ ตายไปเพียงแค่ในระยะเวลา 6-8 ปีหลังจากถุกจับมา...

                  4.สวนสัตว์แห่งนี้นำเข้ามาเพื่อจัดแสดงเพื่อความบันเทิง เรียกลูกค้าคนดูเท่านั้น ไม่ได้โปรแกรมการอนุรักษ์หรือให้ความรู้แต่อย่างใด

                  5.ครั้งหนึ่งสวนสัตว์แห่งนี้เคยนำเข้าวาฬขาวมาแล้ว และก็ตายลงไปหมด จนเหลือแค่ 1 ตัวภายในระยะเวลา 7-8 ปีที่ผ่านมา... แค่นี้ก็เป็นที่พิสูจน์แล้วว่า มันไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดในการที่จะสั่งวาฬพวกนี้นำเข้ามา"ตาย"อีกครั้ง....

                   แค่นี้ก็คงจะเป็นเหตุผลที่มากพอแล้วว่าทำไม กรมประมงจึงไม่ควรอนุมัติ การนำเข้าวาฬขาวเข้ามาในประเทศไทย เพราะว่าเราไม่มีความพร้อมในด้านใดเลย

จิรายุ เอกกุล  -  มูลนิธิรักสัตว์ป่า



แผนที่แสดงบริเวณแหล่งที่อยู่อาศัยของ Beluga Whale













Discover the Beluga Whales at Arctic Watchby Arctic Watch Wilderness Lodge




                       -  https://en.wikipedia.org/wiki/Beluga_whale
                       -  http://www.youtube.com/watch?v=NJ08zvLDCmM 
                       -  http://www.change.org/nobelugaTH